มะรุ่ง-กระบองเพชรกินได้แบบกิ่งแบน พืชสกุลโอพันเทียเป็นไม้ฟอกอากาศชั้นดี

มะรุ่ง-กระบองเพชรกินได้แบบกิ่งแบน พืชสกุลโอพันเทียเป็นไม้ฟอกอากาศชั้นดี

เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าป่าเป็นปอดของเมืองมาบ้าง ถ้าคำกล่าวนี้ถูกต้องก็แสดงว่าต้นไม้ไหนๆ ก็ฟอกอากาศทั้งสิ้น ซึ่งก็จริงตามนั้น นั่นคือต้นไม้ดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปแล้วก็คายออกซิเจนออกมาให้เรา(ใช้ในการหายใจ) แล้วอะไรคือความพิเศษของโอพันเทียแตกต่างจากต้นไม้อื่น? คำตอบก็คือเขาจะเปิดปากใบในตอนกลางคืนดูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงซึ่งเกิดขึ้นตอนกลางวัน ในตอนกลางวันเขาจะปิดปากใบเพื่อลดการคายน้ำ ประเด็นสำคัญที่จะบอกคือเขาเหมาะเอาไว้ในห้องนอนกับเราในตอนกลางคืน เมื่อคนเราหายใจออกมาเกิดเป็นก๊าซเสียคาร์บอนไดออกไซด์ โอพันเทียก็จะดูดซับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป และปล่อยออกซิเจนให้เรา ทำหน้าที่เป็นเครื่องฟอกอากาศนั่นเอง ในขณะที่พืชทั่วไปในตอนกลางคืนเขาจะแย่งออกซิเจนกับเราและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เช่นเดียวกับเรา จึงมีคำแนะนำว่าไม่ควรเอาต้นไม้ทั่วไปไว้ในห้องนอนในตอนกลางคืนเพราะตื่นมาอาจทำให้เพลียได้ ในขณะที่โอพันเทียฟอกอากาศให้เราในตอนกลางคืน

ถึงตรงนี้แอดมินอยากให้ข้อมูลเชิงเทคนิคไว้อ้างอิงสักเล็กน้อยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คือพืชถ้าแบ่งตามรูปแบบการสังเคราะห์จะแบ่งได้ 3 แบบคือ พืช C3, พืช C4, และ พืช CAM, โอพันเทียรวมถึงแคคตัสอื่นๆด้วยเป็นพืช CAM (CAM ย่อมาจาก Crassulacean Acid Metabolism แครสซูเลเซียนแอซิดเมตาบอลิซึม) พืช C3 กับ C4 คือพืชทั่วไป แต่จะต่างกันเล็กน้อยในเรื่องวิธีการจับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อสังเคราะห์แสงระหว่าง C3 และ C4 แต่เหมือนกันคือเขาจะดึงคาร์บอนไดออกไซด์และสังเคราะห์แสงแล้วปล่อยออกซิเจนในตอนกลางวัน ถ้าเรานั่งใต้ต้นไม้ประเภทนี้ในตอนกลางวันเราก็จะรู้สึกสดชื่น ในขณะที่พืช CAM (ในที่นี้คือโอพันเทียของเรา) หากินในตอนกลาง เปิดปากใบดึงคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืน ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเขากำเนิดในทะเลทรายเขาจึงมีวิวัฒนาการเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ในทะเลทรายหาน้ำยาก เขาจึงต้องรักษาน้ำเท่าชีวิต เปิดปากใบเฉพาะตอนกลางคืน กลางวันก็ปิดปากใบลดการคายน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์เมื่อดึงมาแล้วก็จะเก็บในรูปกรดมอลิกไว้ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงในตอนกลางวัน ถ้าเพื่อนๆ เคยลองชิมโอพันเทียกินได้ยกตัวอย่างเช่น โอพันเทียฟิคัสอินดิกา จะพบว่าเขาจะมีเปรี้ยวมากที่สุดในตอนเช้าๆ เพราะสะสมกรดมอลิกไว้มากสุดจากตอนกลางคืน แล้วค่อยๆลดลงตามกระบวนการสังเคราะห์แสงที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน 

มาถึงตรงนี้เราลองมานึกดูว่าสถานที่แบบไหนที่เราควรเอาโอพันเทียเข้าไปวางไว้ได้บ้าง ในความเห็นแอดมิน น่าจะเป็นพวกคอนโดหรือบ้านพักที่มีกระจกให้แสงส่องเข้ามาได้ ตอนกลางวันเราออกไปทำงาน เราก็ให้โอพันเทียสังเคราะห์แสงไป  พอเรากลับมาเราก็ให้เขาฟอกอาการให้เราในตอนกลางคืน เพื่อนๆ คนไหนมีไอเดียอย่างอื่นก็แนะนำได้นะคะ